ทองคำมีกี่ประเภท? ชนิดไหนเหมาะกับการลงทุนระยะยาว

ทองคำมีกี่ประเภท? เจาะลึกความแตกต่างที่นักสะสมและนักลงทุนควรรู้

เมื่อพูดถึง "ทองคำ" หลายคนอาจนึกถึงเครื่องประดับสวยงามหรือทองคำแท่งที่เห็นในร้าน
แต่ในโลกของการสะสมและการลงทุน ทองคำมีหลากหลายประเภท
แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติ วัตถุประสงค์ในการใช้งาน และปัจจัยด้านราคาที่แตกต่างกัน
บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกว่าทองคำนั้นแบ่งออกเป็นกี่ประเภทหลัก
และความแตกต่างเหล่านี้มีความสำคัญต่อการตัดสินใจ "เก็บรักษามูลค่า" ของคุณอย่างไร
ประเภทที่ 1 ความบริสุทธิ์ของทองคำจะมีหน่วยวัดเป็นหน่วย "กะรัต" (Karat K)
โดยทองบริสุทธิ์ที่สุดคือ 24 กะรัต และทองที่มีค่ากะรัตต่ำลงหมายถึงมีส่วนผสมของโลหะอื่นมากขึ้น
| กะรัต (K) | เปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์ | การใช้งานหลัก | หมายเหตุ |
| 24K | 99.99% หรือ 99.999% | การลงทุน, ทองคำสำรองของธนาคารกลาง | บริสุทธิ์ที่สุด อ่อนนิ่ม ไม่เหมาะทำเครื่องประดับละเอียด |
| 23.16K | 96.5% | มาตรฐานทองคำในประเทศไทย (ทองแท่ง, ทองรูปพรรณ) | แข็งกว่า 24K เล็กน้อย เป็นที่ยอมรับในตลาดไทย |
| 18K | 75.0% | เครื่องประดับแฟชั่น, นาฬิกาหรู | มีความแข็งแรง ทนทาน มีส่วนผสมโลหะอื่น (เช่น ทองแดง/เงิน) |
| 14K | 58.3% | เครื่องประดับราคาปานกลาง, งานส่งออก | มีความแข็งแรงมาก ราคาย่อมเยา |

ประเภทที่ 2 การแบ่งตามรูปแบบการใช้งาน (Form and Purpose)
ทองคำที่ซื้อขายในตลาดสามารถแบ่งได้ตามลักษณะทางกายภาพและการนำไปใช้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อราคาซื้อขายและค่าธรรมเนียม
1. ทองคำแท่ง (Gold Bar / Bullion)
ความบริสุทธิ์ ส่วนใหญ่มักเป็น 96.5% (ไทย) หรือ 99.99% (สากล/ออมทอง)
วัตถุประสงค์ เพื่อการลงทุน และ การเก็บรักษามูลค่าโดยเฉพาะในระยะยาว
จุดเด่น ราคาจะอิงกับราคาทองคำโลกโดยตรง มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า (หากซื้อตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไปมักไม่มีค่าบล็อก/ค่ากำเหน็จ)
ข้อควรระวัง มีความเสี่ยงในการเก็บรักษา และต้องซื้อขายตามราคารับซื้อ/ขายออกที่ประกาศตามมาตรฐาน
2. ทองคำรูปพรรณ (Gold Jewelry)
ความบริสุทธิ์ มาตรฐานไทยคือ 96.5% (แต่ใช้จริง 96.5% ผสมโลหะอื่นเพื่อความแข็งแรง)
วัตถุประสงค์ สวมใส่เป็นเครื่องประดับ และการสะสม
จุดเด่น มีมูลค่าทางศิลปะและแฟชั่น สามารถใช้งานได้จริง
ข้อควรระวัง ราคาสูงกว่าทองแท่งในน้ำหนักที่เท่ากัน เนื่องจากมี "ค่ากำเหน็จ" และเมื่อขายคืนจะถูกหักค่าเสื่อม/ค่ากำเหน็จออกไป ทำให้ได้ราคารับซื้อคืนที่ต่ำกว่า
3. ทองคำในรูปแบบการลงทุนสมัยใหม่ (Non-Physical Gold)
เป็นการถือครองทองคำโดยที่นักลงทุนไม่จำเป็นต้องรับทองคำจริงมาเก็บรักษาเอง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสภาพคล่องและความสะดวก
- กองทุนรวมทองคำ (Gold Mutual Fund) ผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนที่ไปลงทุนในทองคำแท่ง หรือกองทุน ETF ทองคำหลักของโลก (เช่น SPDR Gold Trust) เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการทยอยออม
จุดเด่น ใช้เงินเริ่มต้นน้อย, มีผู้จัดการกองทุนดูแล, ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา
- ออมทอง (Gold Saving Plan) การทยอยซื้อทองคำในน้ำหนักน้อย ๆ ด้วยจำนวนเงินคงที่ทุกเดือน (DCA) หรือซื้อเมื่อมีเงิน เมื่อสะสมน้ำหนักได้ตามกำหนดจึงสามารถแลกเป็นทองคำแท่งจริงได้
จุดเด่น เริ่มต้นง่าย, เหมาะกับการสะสมในระยะยาว, ไม่ต้องกังวลเรื่องจังหวะราคา
- สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures / Gold Online Futures) การซื้อขายสัญญาที่อ้างอิงราคาทองคำในตลาดล่วงหน้า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้และต้องการเก็งกำไรระยะสั้น
จุดเด่น ใช้เงินวางหลักประกันน้อยกว่ามูลค่าจริง (Leverage), ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง
Admin แมวเหมียว
