แชร์

ทองคำมีกี่ประเภท? ชนิดไหนเหมาะกับการลงทุนระยะยาว

สีทอง_สีครีม_ทันสมัย_ราคา_ทองคำ_วันนี้_Instagram_post__1_.png Admin แมวเหมียว
อัพเดทล่าสุด: 22 ต.ค. 2025
126 ผู้เข้าชม

ทองคำมีกี่ประเภท? เจาะลึกความแตกต่างที่นักสะสมและนักลงทุนควรรู้

 

 

เมื่อพูดถึง "ทองคำ" หลายคนอาจนึกถึงเครื่องประดับสวยงามหรือทองคำแท่งที่เห็นในร้าน

แต่ในโลกของการสะสมและการลงทุน ทองคำมีหลากหลายประเภท

แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติ วัตถุประสงค์ในการใช้งาน และปัจจัยด้านราคาที่แตกต่างกัน

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกว่าทองคำนั้นแบ่งออกเป็นกี่ประเภทหลัก

และความแตกต่างเหล่านี้มีความสำคัญต่อการตัดสินใจ "เก็บรักษามูลค่า" ของคุณอย่างไร

 

ประเภทที่ 1 ความบริสุทธิ์ของทองคำจะมีหน่วยวัดเป็นหน่วย "กะรัต" (Karat K)
โดยทองบริสุทธิ์ที่สุดคือ 24 กะรัต และทองที่มีค่ากะรัตต่ำลงหมายถึงมีส่วนผสมของโลหะอื่นมากขึ้น

กะรัต (K) เปอร์เซ็นต์ความบริสุทธิ์    การใช้งานหลัก หมายเหตุ
24K  99.99% หรือ 99.999% การลงทุน, ทองคำสำรองของธนาคารกลาง  บริสุทธิ์ที่สุด อ่อนนิ่ม ไม่เหมาะทำเครื่องประดับละเอียด
23.16K  96.5% มาตรฐานทองคำในประเทศไทย (ทองแท่ง, ทองรูปพรรณ) แข็งกว่า 24K เล็กน้อย เป็นที่ยอมรับในตลาดไทย
18K 75.0% เครื่องประดับแฟชั่น, นาฬิกาหรู    มีความแข็งแรง ทนทาน มีส่วนผสมโลหะอื่น (เช่น ทองแดง/เงิน)
14K 58.3% เครื่องประดับราคาปานกลาง, งานส่งออก มีความแข็งแรงมาก ราคาย่อมเยา


ประเภทที่ 2 การแบ่งตามรูปแบบการใช้งาน (Form and Purpose)

ทองคำที่ซื้อขายในตลาดสามารถแบ่งได้ตามลักษณะทางกายภาพและการนำไปใช้ ซึ่งมีผลโดยตรงต่อราคาซื้อขายและค่าธรรมเนียม

     

1. ทองคำแท่ง (Gold Bar / Bullion)

ความบริสุทธิ์    ส่วนใหญ่มักเป็น 96.5% (ไทย) หรือ 99.99% (สากล/ออมทอง)

วัตถุประสงค์    เพื่อการลงทุน และ การเก็บรักษามูลค่าโดยเฉพาะในระยะยาว

จุดเด่น          ราคาจะอิงกับราคาทองคำโลกโดยตรง มีค่าใช้จ่ายต่ำกว่า (หากซื้อตั้งแต่ 5 บาทขึ้นไปมักไม่มีค่าบล็อก/ค่ากำเหน็จ)

ข้อควรระวัง    มีความเสี่ยงในการเก็บรักษา และต้องซื้อขายตามราคารับซื้อ/ขายออกที่ประกาศตามมาตรฐาน

     

2. ทองคำรูปพรรณ (Gold Jewelry)

ความบริสุทธิ์    มาตรฐานไทยคือ 96.5% (แต่ใช้จริง 96.5% ผสมโลหะอื่นเพื่อความแข็งแรง)

วัตถุประสงค์    สวมใส่เป็นเครื่องประดับ และการสะสม

จุดเด่น          มีมูลค่าทางศิลปะและแฟชั่น สามารถใช้งานได้จริง

ข้อควรระวัง    ราคาสูงกว่าทองแท่งในน้ำหนักที่เท่ากัน เนื่องจากมี "ค่ากำเหน็จ" และเมื่อขายคืนจะถูกหักค่าเสื่อม/ค่ากำเหน็จออกไป ทำให้ได้ราคารับซื้อคืนที่ต่ำกว่า

     

3. ทองคำในรูปแบบการลงทุนสมัยใหม่ (Non-Physical Gold)

เป็นการถือครองทองคำโดยที่นักลงทุนไม่จำเป็นต้องรับทองคำจริงมาเก็บรักษาเอง เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการสภาพคล่องและความสะดวก

        - กองทุนรวมทองคำ (Gold Mutual Fund) ผู้ลงทุนซื้อหน่วยลงทุนในกองทุนที่ไปลงทุนในทองคำแท่ง หรือกองทุน ETF ทองคำหลักของโลก (เช่น SPDR Gold Trust) เหมาะสำหรับมือใหม่ที่ต้องการทยอยออม

จุดเด่น ใช้เงินเริ่มต้นน้อย, มีผู้จัดการกองทุนดูแล, ไม่ต้องกังวลเรื่องการเก็บรักษา

        - ออมทอง (Gold Saving Plan) การทยอยซื้อทองคำในน้ำหนักน้อย ๆ ด้วยจำนวนเงินคงที่ทุกเดือน (DCA) หรือซื้อเมื่อมีเงิน เมื่อสะสมน้ำหนักได้ตามกำหนดจึงสามารถแลกเป็นทองคำแท่งจริงได้

จุดเด่น เริ่มต้นง่าย, เหมาะกับการสะสมในระยะยาว, ไม่ต้องกังวลเรื่องจังหวะราคา
 

        - สัญญาซื้อขายทองคำล่วงหน้า (Gold Futures / Gold Online Futures) การซื้อขายสัญญาที่อ้างอิงราคาทองคำในตลาดล่วงหน้า เหมาะสำหรับนักลงทุนที่มีความรู้และต้องการเก็งกำไรระยะสั้น

จุดเด่น ใช้เงินวางหลักประกันน้อยกว่ามูลค่าจริง (Leverage), ทำกำไรได้ทั้งขาขึ้นและขาลง

 


 

หากเป้าหมายของคุณคือ "การเก็บรักษามูลค่า" และ "การลงทุนระยะยาว"

โดยหวังผลตอบแทนตามราคาทองคำโลก ทองคำแท่งบริสุทธิ์ 96.5% หรือ 99.99% ถือเป็นตัวเลือกหลัก

แต่หากคุณเป็นมือใหม่ต้องการความสะดวกและเริ่มจากเงินทุนน้อย กองทุนรวมทองคำ หรือ การออมทอง

จะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าในการเข้าถึงคุณสมบัติของทองคำในฐานะ สินทรัพย์ที่ปลอดภัย ในพอร์ตของคุณ

 

 

 

หมายเหตุ การลงทุนมีความเสี่ยงผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลและวิธีการลงทุนในทองคำที่หลากหลาย เช่น ทองคำแท่ง, ทองรูปพรรณ, กองทุนรวมทองคำ, ETF ทองคำ รวมถึงความเสี่ยงด้านความผันผวนของราคาและอัตราแลกเปลี่ยนก่อนตัดสินใจลงทุน

 

 


เว็บไซต์นี้มีการใช้งานคุกกี้ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและประสบการณ์ที่ดีในการใช้งานเว็บไซต์ของท่าน ท่านสามารถอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ นโยบายความเป็นส่วนตัว และ นโยบายคุกกี้
เปรียบเทียบสินค้า
0/4
ลบทั้งหมด
เปรียบเทียบ
Powered By MakeWebEasy Logo MakeWebEasy